ขอบอกก่อนเลยนะครับว่า หนังเรื่องนี้สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่หนังที่ดีมากเท่าไหร่และ มันเกือบออกทะเลแบบกู่ไม่กลับในช่วงกลางๆเรื่อง ก่อนที่จะกลับลำทันเอาตัวรอดไปได้ ถ้าจะมองในแง่ของบทแล้ว มันยังเต็มไปด้วยความไม่ลงตัว แต่หากจะพูดถึงเรื่องที่มันเป็นหนังที่พูดถึงวงการดีเจตามคลับ (หรือสโมสรวัยรุ่น) ในช่วงยุค 70s แล้ว หนังเรื่องนี้น่าจะแสดงให้เห็นบทบันทึกของยุคสมัยที่เป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพนี้เลยก็ว่าได้ Northern Soul เป็นชื่อเรียกการเคลื่อนไหวของวงการดนตรีในอังกฤษ โดยเฉพาะเพลง Soul ที่มีจังหวะคึกคัก เร้าใจ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเพลงที่มาจากฝั่งอเมริกา และข้ามมาจนเกิดกระแสวัฒนธรรมการฟังเพลง เต้นรำ ปาร์ตี้และ เล่นยาในประเทศอังกฤษ ก่อนที่ทั้งหมดทั้งมวลจะกลายเป็นจุดเริ่มของวงการคลับและพัฒนามาถึงยุคปัจจุบัน

แม้หนังจะไม่ได้เล่าเรื่องของคนที่เป็นดีเจตามคลับคนแรก แต่มันกลับพาเราไปรู้จักกับ 2 วัยรุ่นที่เหมือนเป็นพวกตัวประหลาดในเมืองเล็กๆของประเทศอังกฤษ ก่อนหน้าที่จะเจอกัน ทั้งคู่แทบไม่มีเพื่อนเลย และแล้วในงานของสโมสรวัยรุ่นเมื่อฝ่ายหนึ่งมีโอกาสสั้นๆที่ได้เปิดแผ่นเพลง Soul และมันก็ไปจับใจของคนประหลาดอีกคนหนึ่งแบบอยู่หมัด จนทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน เริ่มออกเที่ยวด้วยกัน และฝันจะเป็นดีเจเพลง Soul คู่กัน ทั้งสองคนออกไปหาโอกาสตามที่ต่างๆ จนถึงขั้นวางแผนจะเปิดร้านกันเองเพื่อที่จะได้เป็นดีเจ
ลืมเรื่องการเป็นดีเจแบบสมัยนี้ที่ใช้ Thumb Drive อันเดียวก็เปิดเพลงได้ทั้งคืนไปได้เลย เพราะการเป็นดีเจในหนังนั้น ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ น้อยคนนักที่จะมีชื่อเสียง และชื่อเสียงที่ได้มานั้น คุณจำเป็นต้องมีแผ่นเสียงแผ่นที่เด็ดดวงจริงๆ คุณต้องเฝ้าเสาะหาเพลงที่ใช่ และเหล่าแฟนคลับก็จะตามมาฟังเพลงเหล่านั้น แน่นอนเพื่อเต้นรำและเมามายไปกับเพลงด้วยกัน
หนังแสดงให้เห็นบรรยากาศในยุคนั้นได้อย่างครบถ้วน และดูสด มีพลังเป็นอย่างมาก ซึ่งตรงนี้คงต้องชมผู้กำกับสาว Elaine Constantine ที่ถือว่าต้องรักยุคนั้นมากๆ จึงถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี และนี่เป็นหนังเรื่องแรกของเธอ ก็ต้องถือว่าสอบผ่าน แม้จะมีบ้างที่ขาดๆ เกินๆ แต่หวังว่าหนังเรื่องต่อๆไปของเธอนั้นจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
ปี 2014 นั้นมีหนังเกี่ยวกับดนตรี Soul อีกเรื่องก็คือ Get On Up ที่เล่าเรื่องชีวิตของ James Brown ซึ่งก็มีความยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่นิตยสารดนตรีขื่อดังของอังกฤษอย่าง NME กลับให้รางวัลหนังยอดเยี่ยมกับ Northern Soul นั่นแสดงว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดถึงห้วงหนึ่งของวงการดนตรีได้อย่างเข้าถึง จนได้รางวัลไปครอง และสำหรับใครที่หลงใหลวงการคลับดีเจแล้ว น่าจะลองหาโอกาสมาดูหนังเรื่องนี้กันนะครับ