Nang Visate by Adverb – GO
21/04/2015
By: admin
จากวิธีที่เล่าเรื่องแบบเรื่องสั้นหลายๆเรื่อง แบ่งเป็นตอนๆ ซึ่งศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มเพื่อนที่ทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่ Supermarket เดียวกัน พวกเขาและเธอใช้เวลาในคืน Christmas Eve แตกต่างกันออกไป เส้นเรื่องบางเรื่องซ้อนทับกันอยู่บ้าง แต่ดูไม่ยาก ไม่งง และกลับช่วยเพิ่มให้รสชาติการดูหนังเรื่องนี้ให้มันมีสีสันเหมือนห้องที่ตกแต่งด้วยไฟ Black Light ในงานปาร์ตี้ แถมทุกเรื่องเป็นเรื่องตลกร้ายที่สนุก มีเสน่ห์ในตัวทุกเรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องราวของสาวคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังร้อนเงิน เลยไปข้องเกี่ยวกับการขายยาอี เรื่องที่สองเป็นเรื่องของชายหนุ่ม พนักงานร้านที่มี จ๊อบเสริมด้วยการขายยาอี เขาและเพื่อนๆวางแผนกำลังไปฉลองกันที่ Las Vegas แต่ทว่าเหตุการณ์กลับบานปลาย ส่วนเรื่องที่สามเป็นเรื่องที่ตลกร้ายสุดๆเพราะมันว่าด้วยคู่เกย์นักแสดงใน Series ดังในบทคู่หูตำรวจ ซึ่งทั้งสองคนนี้ ถูกตำรวจจับในข้อหามียาเสพย์ติดไว้ในครอบครอง และทั้งคู่ต้องแสดงเป็นนกต่อล่อพ่อค้ารายใหญ่ออกมาให้ได้
ในทุกๆเรื่องก็จะมีธีมหลักคล้ายๆกันนั่นคือ ความฉิบหายวายป่วง คือไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน จะแก้ไขสถานการณ์แค่ไหน แต่ทุกอย่างมันดูจะขับเคลื่อนตัวละครหลักให้ใกล้ปากขอบเหวมากที่สุด และหนังยังมีกลิ่นอายการพูดถึงกรรมแบบในศาสนาพุทธอยู่ด้วย แม้จะไม่เห็นกันแบบชัดเจน แต่ตัวละครทุกตัวต่างได้รับผลของการกระทำของตนเองกันถ้วนหน้า
อารมณ์โดยรวมของหนังนั้นได้รับอิทธิพลมาจากดนตรีแนว Electronic ทั้งการถ่ายภาพ การตัดต่อ รวมไปถึงเพลงในหนัง แต่จะว่าไปมันก็แอบจิกกัดวัฒนธรรม Electronic ในยุคนั้นในทีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบ้าอัพอีของเหล่าวัยรุ่น ที่โดนตัวละครตัวหนึ่งเอายาแก้ปวดหลอกขาย แล้วปรากฏว่า อยู่ๆคนในปาร์ตี้ก็ตามซื้อยาตัวนี้ (เพราะถูกไอ้คนตซื้อคนแรกโม้ว่ามันอย่างเจ๋ง) จนทำการขายยานั้นประสบความสำเร็จสุดๆ หรือไม่ว่าตัวละครที่กินอีสุดแรงไป 2 เม็ด จากที่มีความสุขอยู่ๆก็พลันเกิดอาการ Bad Trip ขึ้น ในหนังมีอะไรทำนองนี้อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งต้องถือว่าเล่นกำลังดี ต้องชื่นชมผู้กำกับที่เข้าใจแก่นของวัฒนธรรม Electronic ยุค 90s
นี่เป็นหนังลำดับที่ 3 ของผู้กำกับ Doug Liman ที่ทำหนังทุนต่ำมาโดยตลอด และหลังจากกำกับเรื่อง Go แล้ว เขาก็กระโดดไปจับงานหนังทุนสร้างสูงเอาใจตลาดอย่าง The Bourne Identity, Mr.& Mrs. Smiths และล่าสุดกับ Edge of Tomorrow ซึ่งแม้เป็นหนังที่ขายกันสุดๆแต่ก็มีการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดไม่แพ้ตอนทำหนังทุนต่ำเลย

bill@tempobkk.com