
INTERVIEW – PYRA
12/08/2020
By: WINKIEB
PYRA ก้าวข้ามอีกขั้นของดนตรี Electronic Pop
เราได้รู้จักกับ PYRA เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เด็กสาวมากความสามารถทางด้านดนตรี พยายามพัฒนาตนเองจนในที่สุดความสามารถของเธอก็ปรากฎสู่สายตาของหลายๆประเทศ จากอัลบั้มแรกจนถึงวันนี้ PYRA มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด เราไม่เคยชมว่า PYRA เก่งแต่เรารู้ว่าเด็กคนนี้มีของ แต่อัลบั้มล่าสุดนี้ทำให้เราต้องขอชื่นชมเธอจากใจ เรามีโอกาสได้ฟังหลายๆเพลงจากอัลบั้มนี้ ไลน์ดนตรีและไลน์ร้องที่เธอ Design มาแล้วว่าเพลง Pop ที่ดีมันต้องเป็นยังไง ทำให้เรายิ่งอยากเห็นโชว์และความ Creative ของเธอบนเวทีระดับโลกจริงๆ
อัลบั้มล่าสุดนี้แม้จะถูกเรียกว่ามันคือ Electronic Pop แต่เป็น Electronic Pop ที่ Creative มากกว่าเพลง Pop ทั่วไปที่คุณได้ฟัง ดนตรีที่ฟังง่าย แต่ Melody นั้นซับซ้อน ถูกวางเอาไว้มากกว่า 8 ไลน์ เสียงร้องที่มีพลัง แต่ถูก Design ให้แตกต่าง และความกล้าในการร้องลักษณะนี้ไม่มีศิลปินไทยคนไหนเคยทำมาก่อน รวมไปถึง PYRA ดึงเอาความเป็นไทยแสดงออกมาให้คนได้รู้จักใน Music Video เพลง “Plastic world” ที่ใช้เรือหางยาวและหม้อจิ้มจุ่มมาเป็นส่วนหนึ่งของ Scene หรือแม้แต่ “Dystopia” ที่มีเสียงขลุ่ยเป็นหนึ่งในไลน์ดนตรี
แม้ว่าตอนนี้เราจะไม่ได้ดูโชว์ของเธอบนเวทีต่างประเทศหรือในเมืองไทยก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 แต่เราจะได้ชมเธอ Performance เป็นครั้งแรกบน Platform ใหม่ที่ชื่อ LabxR ที่จะสร้างประสบการณ์การรับชม Concert,Live Performance ,Event และ Conference ในรูปแบบ XR (Extended Reality) ซึ่งผสมผสานกันระหว่างเทคนิคและองค์ประกอบต่างๆเพื่อให้มิติในการสร้างสรรค์ผลงานนั้นดูสมจริงยิ่งขึ้น โดยมีทั้ง Augmented (AR), Virtual (VR) และ Mixed (MR) ทำงานร่วมกันระหว่างโลกเสมือนจริง (virtual-world) และโลกจริง (real-world)
เกิดเป็นโลกแห่งจินตนาการ หลอมรวมกับโลกแห่งความจริงที่เคลื่อนไหวสมจริงในทุกมุมมอง
และตอนนี้เราอยากให้คุณได้รู้จักกับเธอมากขึ้นจากบทสัมภาษณ์ถึงการทำงานในอัลบั้มล่าสุดกับ Music Producer ต่างประเทศ รวมไปถึงความเป็น PYRA ในมุมมองใหม่ที่เราอยากให้คุณได้สัมผัส
ช่วยเล่าที่มาที่ไปของอัลบั้มนี้ให้ฟังหน่อย
อัลบั้มนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่ว่าทำเพลงและ Master เสียงเรียบร้อยแล้วทั้งหมด 20 เพลง ตอนนี้ปล่อยออกมาให้ฟังกันก่อน 2 เพลงคือ “Plastic World” กับ “Dystopia” และจะตามมาอีก 3 เพลงภายในปีนี้
จุดประสงค์ของอัลบั้มนี้มันคือการกอบกู้โลกในสเกลที่ใหญ่ขึ้นกว่าที่ PYRA เคยทำมา หลักๆแล้วเราพูดถึงโลกที่มันเป็น Dystopia World ณ.ปัจจุบันที่ทุกคนก็น่าจะเห็นพอถึงปี 2020 ทุกคนรับรู้แล้วละว่า Dystopia มันมาถึงแล้ว แต่ PYRA ว่าจริงๆแล้ว Dystopia มันอยู่กับเรามานานเป็น 10 ปีแล้วด้วยซ้ำ
การทำเพลงของอัลบั้มนี้แตกต่างจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
แตกต่างกันมาก เพราะว่าแต่ก่อนตัวเองทำแนว Avagard Electronic ที่มีกลิ่นอาย R&B แต่ว่าอัลบั้มนี้เราทำเพลง Pop ซึ่งเรียกว่า Dystopia Pop สาเหตุที่หันมาทำเพลง Pop เพราะเราอยากให้คนฟังหันมาฟังเรื่องที่เราอยากพูดในสเกลใหญ่ เพราะฉะนั้นการที่จะเข้าถึงคนดู คนฟังมันต้องทำเพลงที่เสพง่ายๆ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำเพลง Pop เพราะต้องการให้มันมีอิทธิพลกับคนมากขึ้น อยากเปลี่ยนโลกว่าง่ายๆ
ทำไมตัดสินใจไปทำเพลงที่ LA
มันเหมือนชีวิตพาไปมากกว่าไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำเพลงที่นั่น มันก็เป็นไปตามความต้องการของตัวเองเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าหลังจากอัลบั้มที่แล้วมีพี่ต้าร์ Cyndi seui กับพี่เจอร์รี่ Gramaphone Children เป็น Exclusive Producer เค้าคือสุดยอดของสายเราในประเทศไทย เราเลยไม่รู้แล้วว่าจะไปให้ใครทำต่อจากนี้ มันเผอิญที่ Sean Halmilton ติดต่อมาก็เลยบินไปทำเพลงที่ LA เลย
Direction ของอัลบั้มนี้ถือได้ว่าเป็นตัวเองมั้ย ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม และดนตรี
มันเป็นตัวเองใน Version ที่ดีกว่า เกินความคาดหมาย เรามีทีมที่ดีมาก เริ่มตั้งแต่ Music Producer ที่เขียนเพลงเลย Producer ที่ดีมันต้องดึงเอาคาแรคเตอร์ศิลปินออกมาให้ได้ และทีมงานของเราเก่งมากจริงๆแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะทางของตัวเอง ทุกคนสามารถดึง Vision ของ PYRA มาทวีคุณเข้าไปอีกเท่าตัว มันเกินความคาดหมายทุกทาง เสื้อผ้า หน้า ผม ดนตรีและ Visual
ทำไมถึงเลือก Sean Hamilton มาร่วมงาน
เค้าสามารถดึงบางสิ่งจากตัวเราออกมาได้ ทั้งๆที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราทำได้ และออกมาในแบบดีมากๆ Bring the best as of me as the artist. ออกมา เราขอไปว่าอยากให้ออกมาดูเป็นเอเชีย Element อะไรต่างๆ ซึ่งตอนแรกก็กลัวๆนิดนึง เพราะเค้าเป็น American และไม่เคยมา South East Asia เลย แต่กลายเป็นว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย
ช่วยเล่าวิธีการทำงานกับ Music Producer ต่างประเทศให้ฟังหน่อย
มันง่ายมากๆ คนอื่นอาจจะเห็นเราได้ทำงานกับ Producer รางวัลแกรมมี่ แต่คนที่นั้นเค้าไม่ได้มองว่าเรามียอด Follower แค่ไหน เราดังขนาดไหน เค้าเลือกทำงานเพราะเค้าเชื่อในคนนั้น หรือเพราะเค้าชอบในสิ่งที่เราทำ เค้าไม่ได้แคร์ว่าคุณคือใคร เค้าแค่อยากทำงานด้วย
มันเป็นการทำงานที่ง่ายมากๆ และเร็วที่สุดที่ PYRA เคยทำ Maximum ที่เราทำคืออัดร้อง 4 เพลงต่อวันก็ทำมาแล้ว เขียนเพลง 4 เพลงต่อวันก็ทำมาแล้ว เราเขียนและอัดกันภายในวันเดียวกันเลย มันเป็นการทำงานที่รวดเร็วมาก และผลงานก็ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เรียกแนวเพลงของตัวเองว่าอะไร
เรียกแนวเพลงของตัวเองว่า Dystopia Pop มันคือเพลง Pop ที่ทำเสนอในแบบโลก Dystopia คือโลกอนาคตที่ Dark แล้วก็ใกล้ Post Apocalypse
ให้เลือก 1 เพลงที่ชอบที่สุดจากอัลบั้ม และเล่าให้เราฟังถึงแรงบันดาลใจในการทำเพลงนั้น
ชอบเพลง Dystopia ที่สุดเลยค่ะ รู้สึกว่ามันเป็นตัวเองที่สุด เป็น Original PYRA จริงๆ มันคือ Comfort zone ของเราในการอยู่กับความ Dark แบบนั้น มันพูดถึงความเจ็บปวดของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ Real มากๆ เหมือนเราได้งอแงในเพลงนั้น ถ้าคนฟังดูจะรู้ว่าไลน์ร้องอีกไลน์ที่อยู่ในคอรัสมันคือเสียงเราที่ตะโกนร้องไห้อยู่
การเข้าไปอยู่ในค่ายใหญ่อย่าง Warner Music ต้องปรับตัวเรื่องดนตรีมากน้อยแค่ไหน
ไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย เพราะ Warner Music ซื้อ Project เราหลังจากที่เค้าฟังเพลงแล้ว ซื้อทุกอย่างที่เป็น PYRA เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เสีย Creative Control อะไรไป อยู่ที่นี่เรายังได้ Director ทุกอย่างเอง แต่สิ่งที่ได้มาคือมีทีมที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ Vision ที่ถ่ายทอดออกไปดีกว่าเดิม
ในยุคที่ศิลปินทำเพลงออกมาเหมือนๆกันไปหมด เรามีความคิดเห็นว่ายังไงบ้าง
จริงๆก็ดีค่ะ มันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น เพราะถ้าทุกคน Compass Creative กันหมดแล้วแบบแข่งกันแตกต่าง มันก็จะทำให้การแข่งขันมันยากขึ้น มันดีสำหรับเรานะ เพราะเราอยากแตกต่างจากคนอื่น
ถ้าจบปี Covid-19 แล้ว สิ่งแรกที่อยากทำคืออะไร
คือการได้ทัวร์ต่างประเทศอีก ตอนแรก PYRA จะมีทัวร์อินเดีย ออสเตรเลีย เอเชียสิ้นปีนี้ แต่ตอนนี้ต้องย้ายทุกอย่างออกไปปีหน้า อยากออกไปโชว์ผลงานของเราให้ทุกกคนได้ดู
ฝากถึงศิลปินรุ่นใหม่ๆที่มี PYRA เป็นแบบอย่าง
ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในวงการดนตรีระดับโลก คุณต้องทำอะไรที่คนอื่นไม่เคยทำมาก่อน ถ้าคุณทำแบบคนอื่น คุณก็จะเป็นได้แค่ผู้ตาม สังเกตว่าคนที่เค้าเป็นผู้ริเริ่มสร้างแนวเพลงของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น Skrillex, Flume, KYGO ทุกๆคนเปิดแนวทางของตัวเอง เขาเลยกลายเป็นผู้นำของแนวนั้นๆ ถ้าคุณมีความฝันอันยิ่งใหญ่ คุณควรเปิดทางของตัวเองและ Own That space.

WINKIEB
bill@tempobkk.com
ผู้รักเสียงเพลง และดนตรีสังเคราะห์เป็นชีวิตจิตใจ