
Interview – Kamikaze Space Programme
20/11/2019
By: WINKIEB
Christopher Jarman หรือที่หลายๆคนรู้จักในชื่อ Kamikaze Space Programme หรือนามแฝงอื่นๆอีกมากมายในฐานะนักดนตรี, Producer, Composer และอาจารย์ เขาคือนักดนตรีผู้รอบรู้ในทุกศาสตร์ของดนตรี และห้ามจำกัดความแนวดนตรีของเขาเด็ดขาด เพราะ Jarman คือดนตรีทุกแนวเพลงที่คุณฟัง
บทสัมภาษณ์ทั้งหมดในวันนี้สะท้อนให้เห็นความคิดที่เขามีต่อ Electronic Music Scene ในปัจจุบัน ความคิดที่เขามีต่อคำว่ากระแสดีเจ และความคิดต่อเรื่องงานดนตรี รวมไปถึงผลงานล่าสุดที่ร่วมมือกับศิลปิน 3D glitch “Geso” จนเกิดเป็นผลงาน AV Live สุดเจ๋งอย่างที่คุณได้เห็นนี้
เราได้ชม Kamikaze Space Programme ดีเจครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วใน Berghain เคยได้ยินชื่อ และฟังผลงานมาบ้าง แต่ไม่ใช่แฟนตัวยงขนาดนั้น หลังจากที่ได้เห็น Selection การเล่นดีเจของเขาในคืนนั้นบอกเลยว่าพลาด! พลาดที่ไม่ได้ติดตามผลงานที่ผ่านมาของศิลปินคนนี้ Jarman ถ่ายทอดเรื่องราว และความเก๋าเกมผ่านบทเพลงที่เขาทำ และ Selection ดีเจที่เขาถ่ายทอดถึงผู้คนบนฟอร์แต้นรำ เป็น 4 ชั่วโมงที่เกิดความคิดว่าดีเจมันต้องเป็นแบบนี้ ต้องส่งพลังงานออกมาให้คนฟังแบบนี้ และการยืนเต้นรำไปกับ Set ของเขา 4 ชั่วโมงรวดก็บ้าเอามากๆ แต่เราก็ทำมาแล้ว
ตอนนี้เรามาทำความรู้จักกับ Kamikaze Space Programme ให้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์นี้กันดีกว่า
มาเริ่มที่ผลงานล่าสุด live AV project เป็นยังไงมายังไงถึงเริ่ม Project นี้ได้?
ผมเป็นแฟนตัวยงของ Audio visual และ Immersive experiences. ผมเชื่อว่าพื้นที่ตรงนี้ยังคงเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กรุ่นใหม่ๆ และยังมีอีกหลากหลายพื้นที่ ที่ต้องลุยและสำรวจมัน มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องใช้เซ้นส์สัมผัส นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ ที่เปิดให้คุณได้ร่วมงานกับศิลปินที่คุณสนใจในสาขาอื่นๆ เพื่อสร้างสิ่งที่คุณไม่สามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง
งานนี้ได้ร่วมงานกับเพื่อนรัก “Geso” ศิลปิน 3D glitch ที่มีความสามารถมากๆ เมื่อเร็วๆนี้เราได้เริ่มโชว์ AV set ของอัลบั้มล่าสุด ‘Dead Skin Cells’ ที่ LEV festival ในเมืองมาดริด มันสุดยอดมากๆที่ได้เห็นอัลบั้มล่าสุดของตัวเองมีชีวิตอยู่ตรงหน้า!
การแสดงเสียงแบบ 3D Ambisonic sound นี้คุณสามารถควบคุมการเคลื่อนไหว ขนาดความกว้างของเสียง ในรูปแบบ 3 มิติ ทำให้คุณดื่มด่ำกับการใช้เสียงด้วยวิธีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมเริ่มทำ Set Ambisonics ในลอนดอนเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เรามี 8 bass bins จาก notorious dub systems สำหรับเบส ซึ่งดังและมีพลังมากพอเมื่อบวกกับลำโพงเซอร์ราว 18 ตัวที่เคลื่อนไหวรอบห้อง ความฝันของผมคือการรวม 3d Ambisonic sound system เข้ากับเสียงเบส dub system ด้วย 3D visuals นี่คือการร่วมงานกันที่ผมสนุกสุดๆและผมชอบมันมากจริงๆ
จำกัดความตัวเองเกี่ยวกับ Electronic Music?
ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นได้ยังไงเหมือนกันนะ ผมเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงและขัดแย้งในตัวเองตลอดเวลา และทำงานกับดนตรีแทบจะทุกแนวเพลงภายใต้นามแฝง และก็เพิ่งเริ่มทำโปรเจคดนตรีของตัวเองในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาด้วย
ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสตูดิโอรึเปล่า?
ครึ่งหนึ่งของอพาร์ตเมนต์ผมเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยฮาร์ดแวร์ แต่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการผัดวันประกันพรุ่งและไม่ได้ทำอะไรมากเท่าไหร่ พอสี่ทุ่มก็โกรธตัวเองนิดหน่อยที่เสียเวลาทั้งวันไปกับการดูสารคดีใน Youtube แต่ก็ยังมีเวลา 2-4 ชั่วโมงในการสร้างเสียงเพลงในช่วงกลางคืนหรือเกือบเช้า เพื่อบทเพลงที่เต็มไปด้วยพลัง นอกจากนี้ผมยังเป็น Mix engineer และอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนเรื่อง Creative music production ในเบอร์ลิน และมันก็กินเวลาการทำเพลงไปมากทีเดียว
เราจะได้เห็นอะไรต่อจากนี้ใน Music Production ของคุณ?
ตอนนี้ผมกำลังทำอัลบั้มล่าสุดให่กับค่าย Osiris Music หวังว่ามันจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปีหน้านี้ ในอนาคตผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าปล่อยอัลบั้มให้เยอะกว่าเดิม แต่ก็ได้ยินแว่วๆว่าไม่มีใครต้องการเพลงที่เป็นอัลบั้มอีกต่อไป แต่ว่านั่นแหละทำให้ผมยิ่งอยากทำมันมากขึ้นกว่าเดิม
ผมกำลังร่าง 20 ภาพของอัลบั้มที่กำลังจะทำขึ้น สำหรับอัลบั้มต่อไปเพลงจะคล้ายๆเพลง soundtrack ที่ใส่จังหวะและการปรับเสียงแปลกๆลงไป เป็นเพลงสำหรับฟังในหูฟัง หรือปิดฟังที่บ้านซะมากกว่า มันเต็มไปด้วยเสียงแบบ Alien landscapes, Emotional pads, Glitchy rhythms และเสียง Deep bass อารมณ์ของเพลงจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมรักดนตรีที่ทำให้คุณรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในบทเพลง
นอกจากนั้นตอนนี้ผมยังได้ทำหลายๆงานร่วมกับ Cocktail Party Effect เป็นหนึ่งใน Electronic producers ที่น่าติดตามมากที่สุดในเวลานี้
Drum machine หรือ synthesizer ชอบอะไรมากที่สุด?
ผมไม่มีอุปกรณ์ที่ชื่นชอบจริงๆหรอก อุปกรณ์แต่ละชิ้นก็เป็นฟันเฟืองของระบบที่ใหญ่กว่า ผมไม่มีดรัมแมชชีนเป็นของตัวเอง และผมชอบที่จะบันทึกเสียงกลองอะคูสติก หรือ โฟเล แล้วเอามาบิดในฮาร์ดแวร์แซมเพลอร์ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟค
ผมชอบที่จะสร้างไซด์เชนฮาร์ดแวร์เอฟเฟคที่ซับซ้อน โดยใช้มิกซิ่งคอนโซล ขนาดใหญ่ ซึ่งสำหรับผมแล้วนี่คือเครื่องดนตรีที่ Dub producers ใช้ในการทำเพลง ผมเป็นแฟนของอุปกรณ์ดนตรีจากยุค 90’s เพราะแต่ละชิ้นมันมีเรื่องราวและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ผมว่าที่ผมชื่นชอบมากที่สุดและขาดมันไม่ได้เลยเห็นจะเป็น Soundcraft mixing console 24 channel, E-MU E6400 Ultra sampler และ Sansamp PSA-1 rackmount distortion, ผมรักเสียงวินเทจดีเลย์ และรีเวิร์บ ผมยังใช้ฮาร์แวร์คอมเพสเซอร์หลายๆตัว และ Eqs มันอีกด้วย
คุณคิดยังไงกับดนตรี Electronic ในต่อไป?
ผมไม่รู้เลยเอาจริงๆนะ! เมื่อดนตรีมันกลายมาเป็นเทรนด์ ผมปิดตัวเองไปเลยหละ ทุกอย่างไปๆมาๆทุกๆ 10 ปี ทั้งดีขึ้น และแย่ลง ผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับกระแสความนิยมของดนตรี Electronic Music ในปัจจุบัน ผมแค่อยากอยู่ในกลุ่มคนและสถานที่ ที่ผมรู้สึกชอบแค่นั้น
จริงๆแล้วก็อยากเห็นศิลปินมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น แต่ตอนนี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย ดูเหมือนว่า Electronic music กลายมาเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์ได้มากกว่าเดิม และดูหมือนว่าคนจะให้ความสำคัญไปที่ตัวดีเจมากกว่าเพลงซะอีก และดนตรีก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เต็มๆ ดีเจกลายมาเป็นสิ่งที่ใช้แทนกันได้ ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้เล่น เพลงก็จะเหมือนๆกันไปหมด
ผมหวังจริงๆว่าในปีที่จะถึงนี้มันต้องเปลี่ยน และคนทำเพลงก็จะได้สนุกกันอีกครั้ง
Rock, Jazz, Drum & Bass, Industrial Techno ชอบแนวไหนมากที่สุด?
ผมชอบทั้งหมดเลย สำหรับผมแนวเพลงคือรสชาติที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถผสมอัตราส่วนแปลกๆ เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆและน่าตื่นเต้น ผมรักดนตรีทุกรูปแบบ!!
นอกจากดนตรีแล้วคุณทำอะไรบ้าง?
ผมกำลังซ่อมรถมอเตอร์ไซด์ Vespa และ Lambretta จากยุค 60’s, 70’s และปรับให้มันมีความเร็วเพิ่มขึ้น แต่น่าเศร้ามากเพราะตั้งแต่ย้ายมาเบอร์ลิน ก็ต้องหยุดงานอดิเรกนี้ เนื่องจากรถมอเตอร์ไซด์เป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศเยอรมันนี เพราะฉะนั้นตอนนี้รถมอเตอร์ไซด์ของผมที่จอดทิ้งไว้บ้านของพ่อในอังกฤษ จึงเป็นที่รวบรวมฝุ่น และใยแมงมุมไปซะแล้ว
สุดท้ายนี้เราจึงไม่อยากให้คุณพลาดที่จะเสพพลังของดนตรีจากศิลปินคนนี้ในงาน RAZE วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน ที่ Safe room

WINKIEB
bill@tempobkk.com
ผู้รักเสียงเพลง และดนตรีสังเคราะห์เป็นชีวิตจิตใจ