Arrival – Nang Visate by Adverb
26/01/2017
By: WINKIEB
อันที่จริงหนังที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ Arrival ก็สามารถฉีกความซ้ำซากเหล่านั้น โดยการเล่าเรื่องในมุมมองที่ต่างออกไป หนังตามติดนักภาษาศาสตร์หญิงคนหนึ่ง ที่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลให้ไปช่วยเรื่องการสื่อสารกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่อยู่ๆก็นำยานลงมาจอดบนโลก 12 แห่งทั่วโลก ซึ่งเหตุการณ์นี้นำมาสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่ เพราะไม่มีใครสามารถเดาได้ว่ายานเหล่านั้นมาด้วยวัตถุประสงค์ใด ด้วยการที่หนังเล่ามันด้วยท่าทีสมจริงสมจัง ทำให้หนังเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกคนอยากรู้ว่าคำตอบของมนุษย์ต่างดาวนั้นมีหมายความอย่างไร แล้วมนุษย์จะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์นี้ไปได้หรือไม่
เราจะเห็นว่าหนังแสดงภาพการสื่อสารว่ามันสำคัญยิ่งนัก หากตีความหมายผิดไปอาจจะทำให้เกิดเรื่องรุนแรงขึ้นมาได้ ซึ่งการถ่ายภาพ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านความฟุ้งและมัว แสดงความไม่ชัดเจนที่ตลอดเวลาที่หนังสื่อออกมา นักแสดงนำอย่าง Amy Adams ทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักของหนังอย่างสมบูรณ์ แต่อีกคนที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ Jeremy Renner ผู้ที่ทำให้ความหมายของคำว่านักแสดงสมทบที่ดีควรทำอย่างไร เขาไม่ได้แย่งความเด่น เขาเล่นบทนี้แบบนิ่งๆ เรื่อยๆ แม้แต่ประโยคเด็ดๆเขาก็ยังพูดให้ดูธรรมดาๆ ซึ่งในบทสัมภาษณ์ของเขา เขาก็พูดเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่าเขามีหน้าที่ผลักดันตัวละครหลักให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
แต่ผมว่าสิ่งที่เป็นทีเด็ดจริงๆของหนังที่ถูกซ่อนอยู่ในช่วงท้าย มันถูกเล่าอย่างมีศิลปะชั้นเชิง จนนำพาให้คนดูตีความ หรือกลับไปนอนคิดได้อย่างไม่รู้เบื่อ และหากพูดถึงในด้านภาษาของหนังเรื่องนี้แล้ว จังหวะจะโคนของมันอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ที่สามารถนำไปสอนเป็นแบบอย่างในชั้นเรียนภาพยนตร์กันได้เลย ซึ่งต้องชื่นชมการตัดต่อที่เลือกภาพและเสียงออกมาผสมผสานกันได้อย่างไร้ที่ติ
หากมองภาพรวมว่าทำไมหนังอย่าง Gravity, Interstellar หรือ Arrival นั้น ถึงประสบความสำเร็จได้ นั่นอาจเป็นเพราะทั้งหมดเล่าเรื่อง Sci-Fi เหนือจิตนการของคนธรรมดาทั่วๆไป แต่แท้จริงหัวใจหลักของหนังที่กล่าวมา กลับพูดถึงสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดของมนุษย์ทุกๆคน นั่นก็คือ ชีวิต ของเรานั้นเอง

WINKIEB
bill@tempobkk.com
ผู้รักเสียงเพลง และดนตรีสังเคราะห์เป็นชีวิตจิตใจ